ตรวจบ้านก่อนโอน ในโครงการแรกนี้เราพาคุณไปที่ โครงการ Bangkok Boulevard ที่ตั้งอยู่บนทำเลที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร โดยห่างจากทางด่วนศรีรัชและวงแหวนรอบนอกเพียงแค่ 3 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้นไม่แรงมากอยู่ที่ 11 ล้าน ไม่ต้องพูดถึงสำหรับโครงการ Bangkok Boulevard ในเครือ SC ASSET ที่ทำหมู่บ้านมาเยอะมากๆ และแต่ละที่ก็มีคนจองและเข้าอยู่เต็มพื้นที่ ด้วยมาตรฐานในการก่อสร้าง และการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในหมู่บ้าน ที่ทางโครงการให้ความสำคัญมากที่สุด วันนี้ทีมงาน BCC Living Care Service จะพาลูกค้าและผู้สนใจทุกท่านไป ตรวจ บ้าน ก่อน โอน เพื่อที่จะได้รับบ้านที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด และเข้าอยู่ได้อย่างสบายใจ
การตรวจบ้านก่อนโอน หลักๆแล้วที่จะต้องตรวจจะมีสิ่งที่ต้องตรวจคือ ระบบโครงสร้างของบ้าน ที่รวมไปถึงหลังคา พื้น การรั่วซึม และสภาพโครงสร้างโดยรอบ ตามมาด้วยระบบสถาปัตยกรรมภายในและภายนอก ที่เป็นเรื่องของความสวยงาม ความเรียบร้อย เป็นส่วนใหญ่ และสองอย่างสุดท้ายที่เป็นระบบที่สำคัญที่สุดคือ ระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล อย่างคำว่ากล่าวที่ว่า “อยู่ให้สบายใจ ต้องน้ำไหล ไฟติด” ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คุณหรือลูกค้าทุกท่านที่ซื้อบ้านต้องทำการตรวจสภาพความเรียบร้อยในบ้านก่อนรับโอนบ้าน วันนี้ทีมงานจะพาไปดูจุดบกพร่อง (Defect) ที่ทางผู้พัฒนาโครงการได้ทำไว้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต และไม่ได้หมายความว่าทำได้ไม่ดีนะครับ แต่เราซื้อบ้านราคาแพง เราก็ต้องอยากได้อะไรที่สมบูรณ์แบบที่สุด
จากสภาพที่ทางทีมงานได้เข้าไป ตรวจบ้าน โครงการนี้พบว่า โครงการนี้ทำงานได้ดีและเรียบร้อยมาก สมกับชื่อเสียงของทางผู้พัฒนาโครงการอยู่แล้ว แต่บางจุดที่ทางทีมงานตรวจและควรได้แก้ไขจะมีดังนี้
1. ตรวจพบน้ำขังบริเวณชานระเบียง ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อโครงสร้างมากนัก แต่อย่างไรก็ตามหลังจากฝนตกแล้วน้ำควรต้องระบายออกไปให้ไวที่สุด ไม่ควรมีน้ำขัง เพราะอาจจะทำให้มีสัตว์หรือยุงมาไข่ และอาจจะทำให้พื้นบริเวณชานบริเวณเสื่อมสภาพไวกว่าปกติ ก่อให้เกิดปัญหาน้ำซึมลงชั้นล่างในอนาคต ซึ่งการแก้ไขก็ไม่ยาก จะต้องทำการปรับความชัน (Slope) ของพื้นปูนใหม่ ให้มีความชันเพื่อให้น้ำไหลลงบริเวณจุดระบาย เพียงแค่นี้น้ำก็ไม่ขังหลังจากฝนตกแล้ว
2. ตรวจพบน้ำขังที่บริเวณร่องรางเลื่อนประตูรั้ว ซึ่งถ้าดูเผินๆแล้ว อาจจะไม่ต้องแก้ไขอะไร เพราะว่าอยู่บริเวณนอกบ้าน แต่ทางทีมงานมีประสบการณ์ในการตรวจบ้านมามากกว่า 2,000 โครงการ พบว่าถ้าน้ำขังในจุดรางเลื่อนประตูรั้วนานเข้า จะทำให้เหล็กเพลากลมรางเลื่อนเกิดสนิมและเสื่อมไว ในอนาคตอาจจะทำให้เปิดประตูยากได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตามทีมงานเห็นว่าต้องปรับความชัน (Slope) ของร่องรางเลื่อนใหม่ เพื่อให้น้ำไม่ขังและยืดอายุประตูรั้วของบ้านที่เรารักกัน
3. บานประตูด้านล่างบริเวณห้องนอน เบียดพื้นไม้มากเกินไป ทำให้เวลาเปิดหรือปิดประตูมีเสียง และมีความฝืดนิดหน่อย จุดนี้แก้ไม่ยาก ในส่วนของการติดตั้งประตูจะสามารถตั้งบานประตูได้ จะให้ขึ้นมาสูงจากพื้นเท่าไร อยู่ที่จุดยืดประตูของห้องนั่นเอง อย่างไรก็ตามไม่ควรที่จะตั้งบานประตูให้สูงจากพื้นมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้มีสัตว์หรือแมลงเข้ามาทางเข้าด้านล่างได้ ควรต้องตั้งประตูแต่พอดี ในกรณีที่ตั้งประตูแล้วยังไม่สามารถแก้ไขได้ อาจจะต้องปรับพื้นบริเวณนั้นให้ต่ำลงให้ได้ระดับที่ถูกต้องแทน
4. รอยต่อบริเวณพื้นไม้ริมผนังโก่งตัวทั้งแนว ซึ่งปัญหานี้เกิดจากพื้นไม้ปูชนผนัง ทำให้ตัวพื้นโก่งออกมา การปูพื้นไม้หรือกระเบื้องที่ถูกต้องไม่ควรปูชิดผนัง ควรต้องเว้นระยะห่างประมานจากผนังระยะประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร เผื่อให้การขยายตัวของพื้นไม้หรือกระเบื้องนั่นเอง การแก้ไขจุดนี้ก็ไม่ได้ลำบากมากนัก ให้ปูพื้นไม้ใหม่โดยเว้นระยะห่างตามที่บอกข้างต้น พื้นไม้ก็จะกลับมายุบสวยเรียบเหมือนเดิม
5. จุดสุดท้ายอยู่บริเวณด้านบนฝ้าใต้หลังคา เป็นเรื่องของความเรียบร้อยเล็กๆน้อย คือ ไม่ได้ปิดฝาบล็อคสายสัญญาณ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับสัญญาณ สามารถใช้งานได้ปกติ แต่ถ้าไม่ได้ปิดฝาบล็อคสัญญาณ อาจจะมีสัตว์หรือแมลง เข้าไปในในบริเวณท่อ และอาจจะแทะสายไฟฟ้าหรือสายสัญญาณได้ ทางที่ดีก็แจ้งให้ทางผู้พัฒนาโครงการมาปิดให้เรียบร้อยก็เป็นอันเรียบร้อย
จุดบกพร่องทั้งหมดทางผู้พัฒนาโครงการได้แก้ไขให้เรียบร้อยแล้วด้วยเวลารวดเร็ว ทางเจ้าของบ้านก็ถือว่าได้ทำการ ตรวจบ้านก่อนโอน พร้อมเข้าอยู่อย่างสบายใจได้ ทีมงาน BCC Living Care Service หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ และทางทีมงานไม่ได้มีเจตนาให้ร้ายและตำหนิโครงการใดๆทั้งสิ้น
